poskhaothai
ผวากันทั้งโลก!! สหรัฐส่งฝูงเรือพิฆาตประชิดส่งสัญญาณเตือนเกาหลีเหนือให้หยุดพัฒนาอาวุธ "คิม จอง อึน" ไม่สนคำขู่พร้อมลั่นแบบนี้? เอาแล้วไง!!?
April 09, 2017

คาบสมุทรเกาหลีระอุ! สหรัฐส่งฝูงเรือพิฆาตประชิดส่งสัญญาณเตือนเกาหลีเหนือให้หยุดพัฒนาอาวุธ ด้าน"คิม จอง อึน"ไม่สนคำขู่สั่งเดินหน้าพัฒนาขีปนาวุธ พร้อมประกาศจับมือ"ซีเรีย"สู้ศึกมะกัน อ้างเป็นการรุกรานอธิปไตยชาติอื่น ขณะที่สภาความมั่นคงชง"ทรัมป์"เลือก2แนวทางลอบสังหาร-ถล่มเปียงยางหยุดผู้นำโสมแดง
ทั้งโลกกำลังจับตาดูบทบาทของสหรัฐฯ ที่กำลังเปิดศึกพร้อมกันสองด้านทั้งวิกฤติการเผชิญหน้ากับรัฐบาลรัสเซียจากกรณี "ซีเรีย" ที่ยังเข้มข้นมากขึ้นตามลำดับ และล่าสุดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ยังออกคำสั่งให้ฝูงเรือรบจู่โจมยาตราทัพเข้าประชิดคาบสมุทรเกาหลีเพื่อส่งสัญญาณเตือนให้ เกาหลีเหนือหยุดทดสอบขีปนาวุธ ส่งผลให้ผู้คนทั่วโลกวิตกอย่างหนักว่าสงครามจะอุบัติขึ้นหรือไม่
สหรัฐส่งฝูงเรือรบประชิดเกาหลีเหนือ
ความเคลื่อนไหวในเรื่องนี้นั้น ในวันนี้ (9 เม.ย.60) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐอเมริกา ได้ออกมาระบุว่า หน่วยคาร์ล วินสัน ซึ่งเป็นหน่วยโจมตีของหน่วยนาวิกโยธินสหรัฐ ประกอบด้วย เรือบรรทุกเครื่องบินและอื่นๆ ได้เคลื่อนจากสิงคโปร์ไปยังทะเลแปซิฟิกใกล้กับคาบสมุทรเกาหลี โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางความวิตกกังวลว่าเกาหลีเหนือกำลังพัฒนาโครงการอาวุธ ขณะที่ก่อนหน้านี้เกาหลีเหนือเพิ่งจะทดสอบขีปนาวุธ รุ่นสกั๊ด
ข่มขวัญ"โสมแดง"เลิกพัฒนาอาวุธ
ด้านแหล่งข่าวชี้กับสื่อสหรัฐฯ ว่า ฝูงเรือจู่โจมสหรัฐฯที่มีเรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส คาร์ล วินสัน เป็นผู้นำ ถูกส่งออกมาเพื่อตอบโต้การยั่วยุไม่หยุดจากเกาหลีเหนือ ซึ่ง CNN ชี้ว่า เป็นเรื่องไม่ปกติสำหรับเรือบรรทุกเครื่องบินที่จะปฏิบัติการในบริเวณนั้น
รายงานระบุว่า ที่ผ่านมาเกาหลีเหนือยังคงพยายามที่จะพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์อย่างต่อเนื่อง แม้สหประชาชาติจะสั่งห้ามไม่ให้เกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธ หรืออาวุธนิวเคลียร์ โดยการยิงขีปนาวุธครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือนั้น มีขึ้นเมื่อวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยพวกเขาอ้างว่าประสบความสำเร็จในการทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ และสามารถพัฒนานำหัวรบนิวเคลียร์ขนาดเล็กไปติดตั้งยังขีปนาวุธได้แล้ว แต่บรรดาผู้เชี่ยวชาญยังคงตั้งข้อสงสัยว่าจริงหรือไม่
เสนอลอบสังหาร-ถล่มเปียงยาง
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า สภาความมั่นคงสหรัฐ ได้ป้อนข้อมูลทางเลือกให้กับ ทรัมป์ ในการจัดการเกาหลีเหนือให้เด็ดขาด โดยมีรายงานว่ามีข้อเสนอให้ลอบสังหาร คิม จอง อึน ประธานาธิบดีเกาหลีเหนือ และใช้อาวุธนิวเคลียร์โจมตีกรุงเปียงยางของเกาหลีเหนือ วางอยู่บนโต๊ะเพื่อให้ ทรัมป์ พิจารณา
รายงานข่าวระบุว่า ภายหลังการประชุมดังกล่าว ซึ่งมีขึ้นในวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่น) สหรัฐได้ส่งเรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส คาร์ล วินสัน และฝูงเรือรบจู่โจมออกจากสิงคโปร์ มุ่งหน้าสู่คาบสมุทรเกาหลีทันที เมื่อวันที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา
"คิม"กร้าว!เดินหน้าพัฒนากองทัพ
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนความเคลื่อนไหวของสหรัฐ ไม่อาจทำให้ คิม จอง อึน หวาดหวั่น โดยโฆษกกระทรวงต่างประเทศเกาหลีเหนือ ออกแถลงการณ์ผ่านการรายงานของ KCNA นิวส์ กระบอกเสียงของ คิม จอง อึน โดยประณามที่สหรัฐยิงจรวดโทมาฮอว์ก 59 ลูก โจมตีฐานทัพอากาศในซีเรีย ในวันศุกร์ที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการออกมาเคลื่อนไหวเป็นครั้งแรกของเปียงยางนับตั้งแต่สหรัฐโจมตีซีเรีย
"สหรัฐใช้จรวดมิสไซล์โจมตีซีเรีย รัฐที่มีอำนาจอธิปไตยของตัวเอง เห็นได้ชัดว่าเป็นความก้าวร้าวที่อภัยไม่ได้ และเราขอประณามในสิ่งนี้ ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในวันนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงการตัดสินใจของเราที่ต้องการให้กองทัพเปียงยางแข็งแกร่งในการยืนหยัดเพื่อตอบโต้กำลังต่อกำลัง เป็นหนทางเลือกที่ถูกต้องกว่าล้านครั้ง มีเพียงพลังแห่งกองทัพเท่านั้น ที่จะปกป้องเกาหลีเหนือจากการรุกราน ดังนั้นเกาหลีเหนือจะเดินหน้าพัฒนากองทัพต่อไปในหลากหลายด้าน เพื่อรับมือกับการกระทำอันกร้าวร้าวของสหรัฐ" โฆษกกระทรวงต่างประเทศเกาหลีเหนือ ออกแถลงการณ์
"โสมแดง"ประกาศจับมือซีเรียสู้
สำนักข่าว KCNA นิวส์ ยังรายงานว่า คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ และประธานาธิบดีบาร์ซา อัล-อัสซาด แห่งซีเรียได้แลกเปลี่ยนข้อความให้กำลังใจ และคำมั่นสัญญาในความร่วมมือระหว่างประเทศร่วมกัน โดยประธานาธิบดีอัสซาด กล่าวขอบคุณผู้นำเกาหลีเหนือ และปฏิเสธการใช้อาวุธเคมีกับประชาชน
ขณะที่ ทาลาล บาราซี (Talal Barazi) ผู้ว่าราชการจังหวัดฮอมส์ ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า ฐานทัพอากาศ เชย์รัต (Shayrat air base) ที่ถูกสหรัฐฯ โจมตีในวันศุกร์ (7 เม.ย.) นั้น กลับมาทำงานได้อีกครั้งแล้ว
ด้านทำเนียบขาว ปฏิเสธที่จะยืนยันการขึ้นบินอีกครั้งของเครื่องบินรบซีเรียจากฐานทัพอากาศเชย์รัต แต่หน่วยงาน SOHR ที่มีฐานในอังกฤษ ระบุว่า เครื่องบินรบซีเรียได้บินออกมาจากฐานทัพในวันศุกร์ (7 เม.ย.) และโจมตีทางอากาศพื้นที่อิทธิพลกบฏซีเรีย เขตชนบททางตะวันออกของจังหวัดฮอมส์
สหรัฐยังเดินหน้าถล่มซีเรียดับ21ศพ
ขณะที่ปฏิบัติการโจมตีซีเรียของสหรัฐยังเดินหน้าต่อไป โดยสำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย ว่า องค์กรสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนซีเรีย (เอสโอเอชอาร์) รายงานว่า เครื่องบินรบของกองกำลังพันธมิตรนำโดยสหรัฐ ได้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ 2 จุด ในเมืองรักกา ซึ่งเป็นฐานที่มั่นสำคัญของกลุ่มไอเอส ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของซีเรีย เมื่อวันเสาร์ที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่น) เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตรวมกันอย่างน้อย 21 คน ในจำนวนนี้รวมถึงหญิงคนหนึ่งพร้อมบุตรของเธออีก 6 คน ซึ่งโดยสารเรือร่วมกับผู้คนอีกเกือบ 40 คน เพื่อหลบหนีการสู้รบระหว่างกลุ่มไอเอสกับกองกำลังนักรบชาวเคิร์ดที่สหรัฐสนับสนุน
"ทรัมป์"แจงสภาฯถล่มซีเรียชอบธรรม
ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยื่นหนังสือต่อ นายพอล ไรอัน ประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายออร์ริน แฮตช์ ประธานชั่วคราวของวุฒิสภา เมื่อวันเสาร์ ชี้แจงเกี่ยวกับการใช้คำสั่งให้กองทัพปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในซีเรีย เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ด้วยการระดมยิงขีปนาวุธโทมาฮอว์ก 59 ลูก จากเรือพิฆาตในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โจมตีฐานทัพอากาศที่อยู่ทางตะวันตกของประเทศ ว่าเป็นการปกป้องผลประโยชน์ด้านนโยบายต่างประเทศ และพื้นฐานความมั่นคงของชาติ
อ้างเป็นอันตรายต่อสหรัฐในอนาคต
โดยผู้นำสหรัฐยืนยันว่าคำสั่งดังกล่าวเป็นไปตามมติอำนาจสงคราม ฉบับปี 2516 ที่มอบอำนาจให้ผู้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสามารถประกาศสงครามหรือแทรกแซงทางทหารต่อรัฐใดรัฐหนึ่ง ซึ่งเกิดสถานการณ์รุนแรงและเลวร้ายที่อาจส่งผลกระทบต่อสหรัฐในอนาคต โดยปฏิบัติการทางทหารต้องเสร็จสิ้นภายใน 60 วัน และกองทัพสหรัฐมีเวลาไม่เกิน 30 วัน ในการถอนทหาร
อย่างไรก็ตาม การใช้มติอำนาจสงครามของผู้นำสหรัฐจำเป็นต้องยื่นเรื่องต่อสภาคองเกรส ภายใน 48 ชั่งโมง เพื่อขอรับการพิจารณาอนุมัติด้วยเสียงสนับสนุนอย่างน้อย 2 ใน 3 เสียก่อน
ฐานทัพซีเรียกลับมาเปิดใช้ได้อีก
ขณะที่ทางการจังหวัดฮอมส์ สถานที่ตั้งของฐานทัพอากาศเชย์รัต ที่ถูกขีปนาวุธของสหรัฐถล่มจนได้รับความเสียหาย เพื่อคืนความยุติธรรมให้แก่ผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 86 คน จากเหตุการณ์ใช้อาวุธเคมีในจังหวัดอิดลิบ เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เผยว่า สามารถกลับมาทำการได้อีกครั้งแล้ว โดยผลจากการโจมตีที่ฐานทัพเชย์รัต ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 17 คน ในจำนวนนี้เป็นพลเรือนอย่างน้อย 9 คน
รมต.2ประเทศเตรียมนัดหารือ
ด้าน นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย และนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ โทรศัพท์พูดคุยกันวันเสาร์ และเห็นพ้องที่จะหารือเรื่องซีเรียอย่างจริงจัง โดยนายลาฟรอฟระบุว่า การโจมตีด้วยขีปนาวุธโทมาฮ็อคของสหรัฐถือเป็นการโจมตีเพื่อให้ความช่วยเหลือกลุ่มก่อการร้าย และจะยิ่งเป็นการสั่นคลอนเสถียรภาพด้านความมั่นคงทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก
นอกจากนี้ ข้อกล่าวหาของสหรัฐว่าซีเรียใช้อาวุธเคมีโจมตีประชาชนที่จังหวัดอิดลิบเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว จนมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 86 คนนั้น เป็นการกล่าวหาที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง เพราะยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า กองทัพซีเรียมีอาวุธเคมี
รมต.อังกฤษยกเลิกเยือนมอสโก
ทั้งนี้ การสนทนาดังกล่าวเกิดขึ้น ก่อนที่นายทิลเลอร์สัน จะถือเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนแรกในรัฐบาลสหรัฐ ของประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งเดินทางเยือนกรุงมอสโก ระหว่างวันที่ 11 - 12 เม.ย.นี้ อย่างไรก็ดี มีรายงานว่า นายบอริส จอห์นสัน รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ได้ยกเลิกกำหนดการเดินทางเยือนกรุงมอสโกของรัสเซีย ในวันที่ 10 เม.ย.นี้แล้ว ทำให้รัสเซียออกมาระบุว่า การตัดสินใจของรัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษเป็นเรื่องที่แปลกมาก
อิหร่านออกโรงประณามสหรัฐ
ขณะที่สำนักข่าวอีร์นาของทางการอิหร่านรายงานว่า พลเอกวาเลรี เจราซิมอฟของรัสเซีย และพลตรีโมฮัมหมัด บาเกรี ของอิหร่าน กล่าวทางโทรศัพท์และประณามปฏิบัติการของสหรัฐที่โจมตีฐานทัพอากาศซีเรีย ว่า เป็นการรุกรานประเทศอื่น รัสเซียและอิหร่านต่างเป็นพันธมิตรของประธานาธิบดีบาชาร์ อัลอัสซาด ผู้นำซีเรีย โดยประณามกลุ่มกบฏและกลุ่มต่อต้านรัฐบาลซีเรียว่า เป็นผู้ก่อการร้าย
ชาวซีเรียออกประท้วงมะกันเลิกจุ้น
เช่นเดียวกับชาวซีเรียจำนวนมาก เดินขบวนตามท้องถนนในกรุงดามัสกัส พร้อมชูป้ายข้อความ "สหรัฐอย่ามายุ่งกับซีเรีย" เพื่อประท้วงสหรัฐ ที่ยิงขีปนาวุธถล่มฐานทัพซีเรีย เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ผู้ประท้วงยังเรียกร้องรัฐบาลสหรัฐ ยุติการแทรกแซงกิจการภายในของซีเรีย และยืนยันสนับสนุนรัฐบาลซีเรียให้ปราบปรามพวกก่อการร้ายอย่างรุนแรงต่อไป ผู้ประท้วงกล่าวว่าซีเรียจะไม่เป็นเหมือนอิรักที่ถูกสหรัฐรุกราน โดยอ้างว่ามีอาวุธร้ายแรงอย่างแน่นอน
Cr:http://www.siamvariety.com/view-17717.html
loading...
0 comments